อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม กับ ‘ทฤษฎีคางคก’
จากการเปิดเผยผลการประเมินตำแหน่งตลาดสินค้าเกษตร
4 ชนิดของไทยภาย
ใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ของศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหา
วิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งพบว่าภายใน 5 ปีนับจากปี 2553 จนถึงปี 2558 สินค้า
เกษตรของไทยที่จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในอาเซียนประกอบด้วยข้าว
กาแฟ
และน้ำมันปาล์ม
ส่วนมันสำปะหลังไทยจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงขึ้น
สินค้าเกษตรที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
คือ น้ำมันปาล์ม เนื่องจากต้นทุนการ
ผลิตต่อไร่ของไทยสูงกว่ามาเลเซียถึง 4 เท่า ราคาจำหน่ายผลปาล์มและน้ำมันปาล์ม
ดิบของไทยสูงกว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียมาก
แต่ผลผลิตปาล์มของไทยกลับมีคุณ
ภาพต่ำกว่าเพราะสามารถสกัดเป็นน้ำมันได้น้อยกว่า
ในความเป็นจริง
การขาดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมน้ำมัน
ปาล์มของไทยไม่ใช่เรื่องใหม่
แต่นักวิชาการได้สะท้อนปัญหานี้มาเป็นเวลานานแล้ว งานวิจัยของมหาวิทยาลัย
หอการค้าไทยจึงเป็นการย้ำเตือนถึงปัญหานี้และนำเสนอ
หลักฐานในเชิงประจักษ์ที่สะท้อนความรุนแรงของปัญหานี้
ผมเองได้เขียนหนังสือ ‘เศรษฐกิจกระแสกลาง: ทิศทางเศรษฐกิจไทยใน
อนาคต’ เมื่อปี
2543 หรือกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
ระบุว่าอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเป็นตัว
อย่างหนึ่งของอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ขาดความสามารถในการแข่งขัน
แต่
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยต้องเปิดเสรีมากขึ้นและเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
ผมจึงได้ให้ข้อเสนอแนะในภาพรวมว่าสินค้าที่แข่งขันไม่ได้ควรเลิกผลิตไปเลย แต่
หากเห็นว่าเป็นสินค้าที่เป็น ‘ปัจจัยอยู่รอด’ มีผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร
หรือพลังงานของประเทศและไม่มีสินค้าอื่นที่ทดแทนได้ดีกว่า
ก็ควรเร่งพัฒนาในมี
ความสามารถในการแข่งขัน
แต่ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข
รัฐบาลไม่มีทิศทาง
การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ชัดเจนในระยะยาวไม่มีแผนการเตรียมความพร้อมสำหรับ
การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
ในอนาคตอุตสาหกรรมนี้ได้รับการปกป้องจากรัฐจนขาด
การพัฒนาที่รวดเร็วเพียงพอ
แตกต่างจากประเทศมาเลเซียที่มีทิศทางการพัฒนาที่
ชัดเจน มีแผนการดำเนินงาน
และความตั้งใจจริงของรัฐบาลในการพัฒนาอุตสาห-
กรรมน้ำมันปาล์มอย่างเป็นระบบ
น้ำมันปาล์มกลายเป็นสินค้าการเมือง
การส่งเสริมอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มใน
ประเทศไทยจึงเป็นไปเพื่อสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง
โดยเน้นไปในทิศทางการ
เพิ่มปริมาณการผลิตตามแรงผลักของสถานการณ์
แต่ไม่ใคร่ให้ความสนใจด้าน
คุณภาพ
สังเกตได้จากการส่งเสริมการขยายพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งโดยตรง และ
โดยอ้อม เช่น
การส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันเป็นพืชพลังงาน การจำกัดการนำเข้า
การกำหนดราคารับซื้อผลปาล์มขั้นต่ำ (floor
price) การชดเชยให้ผู้ผลิตจำหน่าย
น้ำมันปาล์มในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง
การอุดหนุนราคาน้ำมันไบโอดีเซล เป็นต้น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มมีความสำคัญมากขึ้นต่อเศรษฐกิจไทย
โดยพื้น
ที่เพาะปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจา
No comments:
Post a Comment